กลับมาอีกครั้งสำหรับเล่มที่สี่ เกือบไม่พ้นเดือนกุมภาพระเจ้าช่วยด้วย ต้องโทษอิ Clubhouse เลย ทำเอาติดงอมแงม แต่อย่างไรก็ตาม พยายามเข็นตัวเองให้อ่านเล่มนี้จนจบจนได้

ทำไมถึงอ่าน?

The Midnight Library นี่ผมเจอครั้งแรกจากการไถ ๆ อ่าน Reddit จนเจอมีคนเอาหน้าจอ Kindle มาแปะ แล้วเล็งเห็นว่าเออหน้าปกสวยดี จนตอนแรกนึกว่าเป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์ของห้องสมุดหรือร้านหนังสือ หรืออะไรทำนองนั้น แต่พอมาค้นกลับพบว่ามันคือนิยาย แถมยังเป็นนิยายที่ได้รับการโหวตจากผู้อ่านในเว็บ Goodreads ว่าเป็น Best Fiction 2020 อีกด้วย เลยกดซื้อมา (ราคาเต็มราว ๆ 13 USD) แบบไม่คิดอะไรมากนัก ก่อนหน้านี้อ่านแต่หนังสือแนววิชาการ เลยบอกตัวเองว่า เออเราอ่านเว้น ๆ สลับ ๆ กันบ้างน่าจะแก้โรคเบื่อง่ายได้

เนื้อเรื่องย่อ

Nora Seed เป็นเด็กสาวที่เคยชอบการว่ายน้ำ เธอเคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นนักกีฬาโอลิมปิคเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ ขึ้นกับเธอ สมัยเด็ก ๆ เธอเคยบอกตัวเองว่า โตขึ้นเราจะเป็นนักสำรวจภูเขาน้ำแข็ง เพราะอยากรู้ว่ามันละลายเพราะอะไร แต่เธอก็ใช้ชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของตัวเองมาเรื่อย ๆ จนเข้าสู่วัยสามสิบกลาง ๆ แถมยังหนีงานแต่งงานของตัวเองเสียอีก รู้สึกตัวอีกทีเธอก็ไม่มีความสุขหลงเหลืออยู่แล้ว ฟางเส้นสุดท้ายของเธอขาดสะบั้นลงเมื่อวันที่วอลแตร์แมวสุดที่รักของเธอตายไป เธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ณ เวลาเที่ยงคืน แต่กลับกลายเป็นว่า เธอตื่นมาพบกับห้องสมุดเที่ยงคืน และในนั้นเธอก็ได้พบว่า เธอสามารถที่จะเลือกหนังสือเล่มใดก็ได้ที่มีอยู่เป็นอนันต์ในห้องสมุดนั้น เพื่อที่จะใช้ชีวิตที่เธอเคยสงสัยว่า “จะเป็นอย่างไรนะถ้า…”

สิ่งที่ชอบ

เอาจริง ๆ หนังสือเล่มนี้มันอ่านได้เรื่อย ๆ ชอบที่สุดคือการยกเอาวาทะกรรมจ๊าบ ๆ ของนักปรัชญาหลาย ๆ คนมาพูดตอนเหตุการณ์สำคัญ ๆ นอกนั้นเฉย ๆ กับทุกสิ่งทุกอย่างในหนังสือเล่มนี้

สิ่งที่ไม่ชอบ

พระเจ้าช่วย! ผมมีสิ่งที่ไม่ชอบกับหนังสือเล่มนี้เยอะมาก อาทิเช่น

  • การดำเนินเนื้อเรื่องที่อิหยังวะในหลาย ๆ จุด เช่น การไปเจอกับคนที่มาจากห้องสมุดอื่น ๆ
  • การวนเวียนซ้ำซากกับเรื่องประหลาด ๆ ที่ไม่เชื่อมโยงกัน
  • ภาษาที่วนไปเวียนมา
  • การที่จู่ ๆ นางเอกก็ค่อย ๆ มีความทรงจำไหลเข้ามา
  • การอธิบายเรื่องฟิสิกส์กับอภิปรัญชาที่ดูแบบแถสุด ๆ

ได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้

ได้ความทรมานมาก กว่าจะอ่านจบ… คืออยากรู้ว่าตอนจบจะแถยังไง แล้วก็ตรงกับที่คิดจริง ๆ ด้วย มันไม่ได้สนุกแบบ ว้าวววว อะไรขนาดนั้นเลย เอาเป็นว่า ขอยก quote ที่ชอบ ๆ มาละกัน

loneliness was a fundamental part of being a human

‘Don’t worry. Tissues are like lives. There are always more.’

A person was like a city. You couldn’t let a few less desirable parts put you off the whole. There may be bits you don’t like, a few dodgy side streets and suburbs, but the good stuff makes it worthwhile.

Thomas Hobbes had viewed memory and imagination as pretty much the same thing, and since discovering that she had never entirely trusted her memories.

‘Because, Nora, sometimes the only way to learn is to live.’

สปอยตอนจบ

สุดท้าย Nora ก็กลับมาสู่ Root Life ที่เป็นชีวิตดั้งเดิมของตัวเอง เพราะหน้าที่ของห้องสมุดคือ การทำให้คนเรามีความอยากมีชีวิตนั่นเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

%d bloggers like this: