ทุกท่านเคยสงสัยไหมครับว่า เมื่อไหร่กันที่ระบบ Automation จะเข้ามาแทนที่แรงงาน?
เวลาเราพูดถึงระบบ Automation เราพูดถึง “กิจกรรม” ไม่ใช่ “งาน”
Michael Chui จาก McKinsey Global กล่าวใน link video ข้างต้นอย่างน่าสนใจว่า 45% ของ “กิจกรรม” ต่าง ๆ สามารถถูกทำให้ Automated ได้ แต่ไม่ใช่งาน
หรือแปลเป็นไทยอีกรอบคือ ระบบ Automation ไม่ได้จะทำให้งานหายไป แต่จะทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้เวลาเยอะนั้นสั้นลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง (อ้างอิง)
แล้วงานแบบไหนล่ะที่จะถูก Automated?
ที่มา: Tableau Public
จากกราฟด้านบน ประเทศไทยมีโอกาสสูงถึง 55% ที่เราสามารถหยิบระบบ Automation มาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ได้ และเมื่อพิจารณาที่กราฟด้านขวามือ ที่แยกออกมาเป็น segment เราจะเห็นว่า ภาคการเกษตร การผลิต และระบบค้าปลีก เป็น segment ที่น่าสนใจ
McKinsey Global Institute analysis ได้ลองประมาณเอาไว้ว่า ณ โลกยุค Automation ศักยภาพในการทำงานของเราจะเพิ่มขึ้นจาก 0.8% เป็น 1.4% (ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับตอนปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ตอนนั้นโลกเรารู้จักเครื่องจักรไอน้ำครั้งแรกๆ เลยทีเดียว)
สมัยนี้เวลาคนเราไปขึ้่นเวทีสัมนาที่ไหนก็มักจะพูดเสมอว่า “อีกหน่อยแรงงานหุ่นยนต์ก็จะเข้ามาแทนที่แรงงานคนแล้ว”
แต่งานวิจัยกลับแสดงให้เราเห็นว่า นั่นคือ statement ที่ผิด เพราะว่า “งาน” ที่หุ่นยนต์จะเข้ามาทดแทนได้นั้น มีเพียง 5% เท่านั้นเอง และไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นงาน low-skill หรือเป็นงานที่ค่าจ้างถูกด้วยซ้ำ ลองคิดสภาพ Deepmind, Watson หรือรถยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติของ Google สิ มันสามารถทดแทนกิจกรรมต่าง ๆ ของงานระดับสูง ๆ ได้ทั้งนั้น
การเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบให้กลายเป็น Skynet แบบในภาพยนตร์ Terminator หรือที่เรารู้จักกันในนาม “คนเหล็ก” นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นได้ภายในข้ามคืน มันจะต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้ หรือลูกค้าอีกหลายปี หรือหลายสิบปี และในขณะเดียวกัน สิ่งที่ควรจะต้องกังวลมากกว่าคือ skill ของ workforce แบบไหนกันล่ะ ที่จะเข้ามา control และ balance ระบบใหม่ ๆ เหล่านั้นได้
ในฐานะ HR ผู้ที่ต้องดูแลคน และอาจจะต้องดูแลปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต
ฝากไว้ให้คิดครับ